
เห็ดหลินจือ สรรพคุณและประโชยน์
เห็ดหลินจือ สรรพคุณและประโชยน์
ถิ่นกำเนิดเห็ดหลินจือ
เห็ดหลินจือ หรือ เห็ดหลินจือแดง เป็นยาจีนที่ใช้กันมานานกว่า 2000 ปี เป็นของหายากที่มีคุณค่าสูง และได้ถูก บันทึกไว้ในคัมภีร์โบราณ เซินหลงเปิ่นฉ่าวจิง ซึ่งเป็นตำราเก่าแก่และมีคนนับถือมากที่สุด ได้กล่าวไว้ว่า เห็ดหลินจือใช้บำรุงร่างกาย เป็นอายุวัฒนะได้ดีเยี่ยมและสามารถรักษาโรคต่างๆได้ ปัจจุบันสามารถพบได้ในไทย ในประเทศไทยพบได้บนต้นไม้พวก คูณ ก้ามปู หางนกยูงฝรั่ง ยางนา ยางพารา ดอกเห็ดมักขึ้นกับตอไม้ที่ตายแล้ว บางทีเกาะอยู่กับรากไม้ หากยื่นออกมาจากโคนต้นไม้อาจจะไม่มีก้าน
รูปแบบและขนาดวิธีใช้เห็ดหลินจือ
เห็ดหลินจือที่นำมาบริโภคจะให้ผลลัพธ์ดีที่สุด ก็ต่อเมื่อคนปกติทั่วไปใช้ดอกเห็ดหลินจืออบแห้ง ชงเป็นชา เพื่อดื่มเป็นประจำ ถ้าต้องการต้มเป็นยา ต้องดื่มให้หมดวันละ 1 – 3 เวลา และจะดื่มเวลาใดก็ได้ ถ้าจะนำมาดองเหล้า จะให้ดอกเห็ดหลินจือดองกับเหล้าขาวหรือเหล้าเหลือง ชนิด 40 ดีกรี ปริมาณ 100 – 150 ซีซี ทิ้งไว้ 15 วัน และค่อยนำมาดื่มครั้งละ 10 ซีซี หรือ ช้อนชา วันละ 1 – 3 เวลา ก่อนหรือหลังอาหารก็ไม่ต่างกัน นอกจากนั้น ยังมีผู้ผลิตเป็นแคปซูล โดยนำส่วนผสมของดอกเห็ด เส้นใย หรือราก และผงสปอร์ รวมอยู่ในเม็ด ซึ่งปริมาณขึ้นอยู่กับอายุของผู้ใช้ หากเป็นเด็ก ใช้ 1 – 2 แคปซูลก็เพียงพอแล้ว แต่สำหรับผู้ป่วย ควรใช้ ครั้งละ 3 แคปซูล วันละ 2 เวลา จะดีที่สุดอีกทั้งชนิดผงสปอร์บริสุทธิ์ ที่จะออกฤทธิ์มากกว่าแบบแคปซูล ก็จะนำมาผสมน้ำอุ่นในปริมาณ 1 กรัม หรือไม่เกิน 3 กรัม สำหรับผู้ป่วย และ ยังมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว อาจผสมในน้ำผึ้ง น้ำผลไม้ เครื่องดื่ม และอาหารคาวหวานได้ง่ายๆ และนำมาผสมกับสมุนไพรอื่นๆ เช่น ถั่งเช่า โสม กระชายดำ ฯลฯ เป็นยาบำรุงร่างกายชั้นดีได้อีกด้วย
ลักษณะทั่วเห็ดหลินจือ
เห็ดหลินจือเป็นเชื้อราชนิดที่ขึ้นอยู่ตามต้นไม้ที่เน่าเปื่อย ผุพัง พบอยู่ทั่วไป ระดับความสูงกว่าระดับน้ำทะเล 1000 เมตร อุณหภูมิระหว่าง 8 – 38 องศาเซลเซียส ต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส เส้นใยและดอกยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้แต่ไม่เจริญเติบโต เมื่ออากาศเริ่มอุ่นขึ้นก็สามารถเจริญเติบโตต่อไปได้เห็ดหลินจือมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามภาษาเรียก ประเทศจีนเรียกว่า หลิงชิง หรือหลินจือ สำหรับประเทศไทยเรียกว่า เห็ดกระด้าง เห็ดหั้งขอ เห็ดนางกวัก เห็ดแม่เบี้ยงูเห่า เห็ดจวักงู
แล้วยังแบ่งแยกไปตามชนิดของเห็ด ได้แก่
• ดอกสีเขียว เรียกว่า ชิงจือ มีรสชาติขมเล็กน้อย มักพบในบริเวณที่มีอากาศหนาวเย็นใช้ในการรักษาโรคหัวใจ
• ดอกสีแดง เรียกว่า ฉื้อจือหรือต้นจืน มีรสขม ใช้เป็นยาแก้การแน่นหน้าอก เลือดตกค้าง บำรุงหัวใจ สำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้เรื้อรัง ช่วยฟื้นฟูผู้ป่วยที่เป็นโรคสมองเสื่อม โรคเบาหวาน
• ดอกสีเหลือง เรียกว่า หวงจือหรือจีนจือ มีรสชาติหวานจืด มีสรรพคุณในการบำรุงประสาท บำรุงร่างกายระบบขับถ่ายให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น
• ดอกสีขาว เรียกว่า ไป่จือหรือวีจือ มีรสชาติฉุน ขมเล็กน้อย มีสรรพคุณในการโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ปอด จมูก ทำให้หายใจคล่อง
• ดอกสีดำ เรียกว่า เฮจือหรือเสียนจือ มีรสชาติเค็มเล็กน้อยไม่ขม มีสรรพคุณในการขับน้ำตกค้างในร่างกาย บำรุงไต ขับปัสสาวะ
• ดอกสีม่วง เรียกว่า จื่อจือหรือสีซ๊อคโกแลต มีรสชาติขมเล็กน้อย มีสรรพคุณรักษาโรคไขข้ออักเสบ หูอักเสบ
ประโยชน์และสรรพคุณเห็ดหลินจือ
- ช่วยสร้างภูมิต้านทางโรค
- ต้านมะเร็ง
- บำรุงตับ
- บำรุงสมองและระบบประสาท
- ปรับสมดุลให้แก่ร่างกาย
- ช่วยเสริมสร้างการทำงานของร่างกาย
- ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง
- ช่วยป้องกันการลุกลามของเซลล์มะเร็ง
- ช่วยปรับปรุงการทำงานของตับอ่อน
- ปรับระดับน้ำตาลในเลือด
- ช่วยขจัดสารพิษ
- ช่วยปรับออกซิเจนในเลือด ทำให้การไหลเวียนของโลหิตดีขึ้น
- ลดโคเลสเตอรอล ปรับไขมันในร่างกายให้ปกติ
- เสริมสร้างระบบย่อยอาหารให้ดีขึ้น
- ช่วยรักษาและป้องกันโรคภูมิแพ้
ที่มา medthai